“อายุ มีผลกับการเริ่มต้นอะไรใหม่ๆ ไหม?” นี่เป็นคำถามที่เกิดขึ้นในใจผมระหว่างที่ฟังเพลง Typhoon ของ Ehrling เพลงของนักทำเพลงคนนี้ เป็นสไตล์ที่มีเสียงแซกโซโฟนเข้ามาเป็นหลัก สโลแกนของเขาคือ “Sax makes me move”
แล้วทำไมถึงเกิดคำถามนี้ขึ้นมา อย่างแรกเลยคือผมเห็นว่านักแต่งเพลงคนนี้อายุเพียง 24 ปี แต่สามารถทำเพลงที่ติดหู และมีเอกลักษณ์เป็นของตัวเอง อันที่จริงตอนแรกผมนึกว่าเจ้าของเพลงจะมีอายุมากกว่านี้ จากแนวเพลงที่เขาทำ
เลยมีความสงสัยว่า เขาเริ่มต้นทำเพลงได้ยังไง? ซึ่งยังไม่ได้ค้นหานะครับ แต่อีกความสัยที่เกิดขึ้นคือ แล้วถ้าคนอยากเริ่มทำเพลง หรือทำสิ่งที่ตัวเองชอบ ถ้าอายุมากกว่า 35 ในวัยทำงานแล้วมีโอกาสไหม? หรือ อายุมีผลไหมกับการเริ่มต้นอะไรสักอย่าง?
ถ้าเราลองมาวิเคราะห์กันดู การเริ่มต้นอะไรในวัยเด็กนั้นอาจจะมีข้อได้เปรียบ หากมีผู้ปกครองที่คอยสนับสนุน และเด็กๆ เองได้เห็น ได้ทดลองจนเจอตัวเอง แต่ในความเป็นจริงถามว่าการเจอตัวตนของตัวเองในวัยเด็กนั้น มันง่ายจริงหรือ? ในมุมกลับกันหากผู้ปกครองไม่เข้าใจในตัวว่าเด็กๆ ต้องการอะไร และส่งเสริมในสิ่งที่เขาไม่ชอบ แต่เขาไม่ได้พูดว่าเขาไม่ชอบล่ะ หนังคนละม้วนเลยทีเดียว… เลี้ยงด้วยความรัก ให้เขาได้ทำสิ่งที่มีความสุข น่าจะเป็นทางที่ดี เรื่องนี้ไม่ง่ายแค่ต้องใช้เวลาและความเข้าใจ
กลับมาที่เรื่องการเริ่มต้นในวัยเด็กต่อ อีกข้อดีของวัยเด็กซึ่งทำให้หลายคนได้ประสบความสำเร็จคือ ความไม่กลัว (fearless) เคยรู้สึกไหมว่า ตอนเด็กๆ เรามีความกล้าที่จะทำสิ่งนั้นสิ่งนี้ มากกว่าตอนอายุมากขึ้น อาการความไม่กลัว (fearless) นั้นเกิดขึ้นได้ทั้งจากอารมณ์และความไม่รู้ ทำให้ความแรงมีเยอะ และการลงมือทำมีมาก ซึ่งสองสิ่งนี้เป็นปัจจัยสำคัญของความสำเร็จ บวกด้วยกับการที่เด็กๆ ที่มีภาระหน้าที่น้อยกว่าวัยทำงาน หน้าที่หลักคือการศึกษา หากใช้เวลาหลังจากการศึกษาได้ค้นหาตัวเอง ทำสิ่งที่ตัวเองชอบ ยิ่งทำให้มีความสุข และง่ายต่อการเติบโต ส่งผลไปยังการถึงเป้าหมายประสบความสำเร็จได้เร็ว เหล่านี้จึงเป็นข้อดีของการเริ่มต้นแต่วัยเยาว์
มาที่มุมของวัยทำงาน การเริ่มต้นทำสิ่งที่ตัวเองชอบ หรือสิ่งที่ตัวเองทำแล้วมีความสุข เป็นไปได้ไหม… คำตอบคือ เป็นไปได้ แน่นอน!
แต่สิ่งที่คนวัยทำงานต้องก้าวข้ามนั้นมีอยู่ คืออะไร… ความกลัว (fear) นั่นเอง เนื่องจากเป็นธรรมชาติหากเราอายุมากขึ้นสิ่งหนึ่งที่ติดตัวเรามาคือสิ่งที่เรียกว่า ประสบการณ์ ซึ่งตัว ประสบการณ์ นั้นเองที่ทำให้เราต้อง “ระวังตัว” เป็นธรรมชาติที่เรายิ่งอายุมากขึ้น เรายิ่งรู้ว่าตรงไหนปลอดภัย เราก็จะเอาตัวเองเข้าไปอยู่ตรงนั้น สิ่งนึงที่อาจจะได้มาโดยไม่รู้ตัวคือ ตัวเรานั้นได้พาตัวเราเข้าไปอยู่ใน โซนสบาย (comfort zone) โซนสบายนี้ เป็นที่ที่สบายจริงๆ คือเรียกได้ว่าถ้าไม่ขยับตัว ก็ไม่ลำบาก อาจจะไม่สุข ไม่สนุก แต่อยู่ได้สบายๆ เคยรู้สึกแบบนี้บ้างไหมครับ? การที่เราอยู่แต่ในโซนสบายนี้อาจจะเพราะความกลัว (fear) จริงๆ นั่นแหละ เพราะถ้าออกมาจากโซนสบาย ก็ต้องเจอกับความรู้สึกเสี่ยงนั่นเอง เป็นธรรมชาติของสิ่งมีชีวิตจริงๆ ไม่ผิดปรกติอะไร
สำหรับคนที่อยู่ในโซนสบาย (comfort zone) นั่นอาจไม่รู้ตัว แต่ส่วนใหญ่มีอาการ กลัว ไม่กล้าแสดงออก ไม่กล้าทำสิ่งใหม่ๆ ชอบมีข้ออ้าง เล่นแบบขอให้ผ่านๆไปให้ได้ ชอบรู้สึกผิด เอาตัวรอดไปเรื่อยๆ รู้สึกชีวิตนั้นขาดอะไรสักอย่าง หรือหลายๆ อย่าง หลายๆ คนในโซนสบาย (comfort zone) นั้นมีความสุขแบบไม่เต็มที่ แต่ก็ไม่กล้าออกมาจากโซนจริงๆ
ทำยังไงล่ะทีนี้ ถ้าผู้คนที่อยู่ในโซนสบาย (comfort zone) ต้องการก้าวข้ามและออกมายังพื้นที่ภายนอกโซนบ้าง (out of comfort zone)
คนหลายคนในโซนสบายมีความฝัน แต่หลายคนก็ตายไปพร้อมกับความฝันเหล่านั้น ท่านอยากเลือกไหมว่าชีวิตนี้ท่านจะได้ลงมือทำตามความฝัน หรือชีวิตนี้ท่านจะปล่อยให้มันเป็นไปเรื่อยๆ โดยที่ไม่มีโอกาสได้วิ่งตามความฝันที่ฝันไว้เลย ความฝันของท่านคืออะไร?
สำหรับคนที่เลือกจะทำตามความฝันและอยากออกจากโซนสบาย (comfort zone) ท่านต้องมีสิ่งเหล่านี้
เริ่มจากสิ่งที่ช่วยท่านได้ง่ายทีสุดก่อนคือ ท่านต้องมีเพื่อนที่ร่วมทางไปกับความฝันของท่าน ท่านมีเพื่อนร่วมทางรึยัง? มนุษย์เป็นสิ่งมีชีวิตที่ต้องมีสังคม การที่เดินไปในเส้นทางคนเดียวนั้น เดียวดาย… และหมดกำลังใจได้ง่าย กว่าการมีเพื่อนเดินร่วมทาง เคยไหมที่ท่านเคยเหนื่อย แต่ถ้ามีคนให้กำลังใจ มันช่วยให้ท่านเดินได้ไกลกว่าเดิม เมื่อเทียบกับการเดินเพียงคนเดียว เพื่อนร่วมทางของท่านอาจเป็นเพื่อนใหม่ ที่ท่านไม่เคยคิดว่าจะเจอก็เป็นได้ เพื่อนร่วมทางของท่านอาจจะเป็นคนที่ท่านเคยเห็นหน้าแต่ไม่เคยคุยกันและไม่ชอบหน้ากันมาก่อน เพื่อนร่วมทางของท่านอาจเป็นแฟนหรือคู่ชีวิต เพื่อนร่วมทางของท่านอาจเป็นคนที่ท่านเจอในงานสังคม ที่แน่ๆ หากท่านยังไม่มี ท่านต้องออกไปพบปะผู้คน เพื่อได้เจอคนใหม่ๆ
อีกสิ่งหนึ่งที่จะทำให้ท่านออกจากโซนสบาย (comfort zone) ได้ง่ายขึ้นไปอีกคือ ความรู้ (knowledge) เพราะความกลัว (fear) นั่นส่วนหนึ่งเกิดจากความไม่รู้ ไม่รู้ ไม่เป็น เลยไม่ทำ เคยได้ยินไหม… หากความฝันของท่าน นั่นต้องใช้ความรู้ใหม่ๆ ความสามารถใหม่ๆ ท่านต้องออกไปเรียนรู้ นึกถึงตอนเด็กๆ มีใครบ้างเกิดขึ้นมาแล้วสามารถทำต้มยำได้เลย หากไม่เคยเข้าครัวมาก่อน มีใครเคยเห็นเด็กๆ ขี่จักรยานได้เลยบ้าง หากไม่เคยหัด เช่นเดียวกับตัวท่าน แม้ท่านอยู่ในวัยทำงาน ส่วนนึงของความเป็นเด็ก ยังอยู่ในตัวท่านเสมอ ท่านสามารถออกไปเรียนรู้สิ่งใหม่ๆ ได้ ท่านสามารถทำสิ่งใหม่ๆ ได้ แม้สิ่งนั้นท่านอาจจะเคยไม่กล้าคิดจะทำด้วยซ้ำในช่วงหลังๆ ของชีวิต การเรียนรู้เหล่านี้ อาจจะเรียกว่าให้ท่านได้ออกไป “ใช้ชีวิต”
หลายท่านต้องทำงานวันจันทร์ถึงศุกร์ ขับรถไป ขับรถกลับ กลับมาท่านก็บอกว่าเหนื่อย… เป็นธรรมชาติอีกเช่นเดียวกัน นั่นเป็นเหตุผลที่ท่านต้องมีสิ่งนี้ คือ “ความฝันอันยิ่งใหญ่” ที่ใหญ่พอที่จะทำให้ท่านมีแรง มีใครบ้างไหมมีความฝันอยากให้ครอบครัวสบายขึ้น พ่อแม่อยู่สบายขึ้น เวลาเจ็บป่วยไข้เรามีกำลังดูแลรักษาพ่อแม่ หรือคนที่เรารักยิ่ง หรือมีใครบ้างไหมมีความฝันที่อยากช่วยให้หมู่บ้านที่เราจากมามีความเป็นอยู่ที่ดีขึ้น พี่ ป้า น้า อา เหล่าผู้คนที่มีโอกาสน้อยกว่าเรา แต่เราอยากช่วยให้ชีวิตผู้คนเหล่านั้น มีความสุขกว่าเดิม … ความฝันที่ยิ่งใหญ่ของท่านคืออะไร?
เหล่านี้คือสิ่งที่ท่านจำเป็นต้องมี เพื่อช่วยให้ท่านไปถึงความฝันที่ตั้งใจไว้ ได้เร็วขึ้น เร็วกว่าเดินคนเดียว เร็วกว่าคิดและทำคนเดียว
อายุนั้นสุดท้ายอาจไม่มีผลเลยกับการเริ่มต้นอะไรสักอย่าง ความเป็นเด็กในตัวทุกท่านนั้นมีอยู่ ขอให้ทุกท่านได้มีความสุข และมีชีวิตอย่างมีพลัง เป็นกำลังใจให้คนที่ทำตามความฝันทุกคน
ขอให้ทุกท่านถึงเป้าฝันอย่างที่ตั้งใจ ด้วยรัก